วันเสาร์ที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

ไม่มีสิทธิ์ที่เขาจะได้บอกรักเธอ

ณ ปั๊มน้ำมันแถบชานเมือง

แสงแดดเจิดจ้า ไอร้อนระอุเหมือนถนนที่เห็นอยู่เบื้องหน้ากำลังเริงระบำและแทบจะละลาย เหงื่อไหลย้อยจากขมับสู้หางคิ้ว บางจังหวะก็หลุดลอดเข้าม่านตา ทำให้จ๊อดรู้สึกแสบตาจนต้องใช้นิ้วมือขยี้ กลิ่นน้ำมันเบนซินไม่ได้ทำให้เขาอึดอัดเลยแม้แต่น้อย เขาคุ้นเคยจนลืมไปแล้วว่าแสบจมูก

“น้องๆ เก้าหนึ่งเต็มถัง” ชายผู้สัญจรพูดราวกับออกคำสั่ง
จ๊อด หยิบหัวจ่ายน้ำมัน ทำหน้าที่อย่างอัตโนมัติและไม่มีบกพร่อง แต่ทุกครั้งที่เขาเติมน้ำมันให้ใครต่อใคร เขามักคิดในใจว่า – อย่าให้ข้ารวยบ้างแล้วกัน

ฤดูท่องเที่ยวเทศกาลปีใหม่ ทำให้จ๊อดขยันขันแข็งขึ้นอีกหลายเท่า เจ้านายจะให้โบนัสพิเศษสำหรับเด็กปั๊มที่ขาดงานน้อยที่สุดในช่วงตลอดปี จ๊อดเป็นหนึ่งในนั้น ด้วยวัยเบญจเพส เขาค่อนข้างผ่านโลกมาหลายรูปแบบ หาเงินเลี้ยงชีพตัวเองมาตั้งแต่นมเริ่มแตกพาน

จ๊อดประหยัดอดออม งดของมึนเมาทุกชนิด เขาออกจากวงการนั้นเสียแล้ว เขาเคยติดเหล้าเหมือนผู้หญิงติดการเดินช็อปปิ้ง
หลังจากปีใหม่นี้ จ๊อดจะมีเงินสะสมพอที่จะดาวน์มอเตอร์ไซค์ได้สักที เขาอยากให้แม่มีรถคันใหม่เอาไว้ขี่เข้าสวน คันที่แม่ใช้อยู่มันเก่าเต็มที เขาอยากเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของแม่ที่ไม่ได้เห็นมานานตั้งแต่วันที่พี่ชายของเขาจากไปอย่างไม่มีวันกลับมา – ไอ้เอก เอ็งมันเลว ทิ้งแม่ได้ลงคอ

ในเบื้องลึกที่สุดของจิตวิญญาณ จ๊อดเป็นบุตรที่กตัญญู แม้จะเคยเกเรมาก่อน ไม่เว้นกระทั้งยาเสพย์ติดชนิดเม็ด ครั้นปัจจุบันเมื่อเขาคิดได้จึงเดินออกมาอย่างผงาดและอยากเป็นคนดีให้ถึงที่สุด

อย่างไรก็ตาม จ๊อดคือผู้ชาย และธรรมชาติผลิตชายหญิงให้คู่กัน
ในชีวิตที่ผ่านมาเขาไม่กล้ารักใคร เขาเหม็นเน่าในความจนของตัวเองและไม่ต้องการให้ใครต้องมาทนเหม็นด้วย จิตใจของเขาอ่อนแอเหลือเกิน เกินที่ใครจะรู้.....

สุดท้ายเขาก็ต้องพ่ายแพ้และกล้ำกลืนกลิ่นนั้นให้กลายเป็นกลิ่นหอม
วันหนึ่งจ๊อดคิดว่าตัวเองอาจมีกลิ่นเหมือนดอกไม้อยู่บ้างไม่มากก็น้อย

หญิงสาวอายุสามสิบต้นๆ เป็นหญิงคนแรกที่จ๊อดหลงรัก
เธอขับรถสปอร์ตสีแดงสดคันหรู ป้ายทะเบียน กก-๙๙๙ และจอดเติมน้ำมันเป็นประจำ อย่างน้อยอาทิตย์ละครั้ง บ้านเธอคงจะอยู่แถวๆนี้
เธอสวยในแบบฉบับดาราที่เกินจะใฝ่ แต่คงยากถ้าจะมีแมวมองที่ไหนจะมาเดินเล่นแถวนี้

ทุกครั้งที่เธอมาใช้บริการ จ๊อดจะให้บริการเยี่ยงสุนัขรับใช้ เขารู้ดีว่าเธอเห็นเขาเป็นเพียงเด็กปั๊มที่เรียกใช้ได้ตามใจอยากเท่านั้น เธอเป็นลูกคุณหนูที่เคยชินกับการเรียกใช้ใครๆ ซึ่งบางครั้งอาจตบท้ายด้วยการโยนเศษเงินใส่หน้า เพื่อรักษาระยะห่างของชนชั้น

สาวไฮโซ กับเด็กปั๊ม ช่างตลกสิ้นดี - แต่จ๊อดไม่ตลกด้วย (เขาฝากบอก)


จ๊อด เติมความคิดถึงเข้าไปพร้อมกับน้ำมัน
จ๊อด เติมความห่วงใยเข้าไปพร้อมกับลมที่ทำให้ทั้งสี่ล้อพาเธอไปได้ทุกที่
จ๊อด เติมความสุขให้เธอพร้อมกับฟองน้ำยาทำความสะอาดที่ละเลงลงบนกระจก ให้เธอมองเห็นทางได้ สะดวกเวลาขับขี่
จ๊อด เติมความสุขให้ตัวเองขณะที่มือของเขาสัมผัสกับมือของเธอ ตอนส่งเงินทอน และอาจได้สัมผัสอีกครั้งหากวันนั้นเธอทำการรักษาระยะห่างของชนชั้น – เหรียญสิบ หรือ แบงค์ยี่สิบ

เขาหาความสุขโดยวิธีนี้มาเกือบขวบปีแล้ว

แต่เขาไม่เคยพูดกับเธอเลยสักคำ อย่างมากก็แค่แกล้งไอ ให้เธอได้ยินเสียงของเขาบ้าง

จ๊อดเพียงแค่ฟังคำสั่งและปฏิบัติตาม เขาไม่มีสิทธิ์ที่จะได้บอกรักเธอ
สิ่งนี้สำคัญ เขาอึดอัดเหมือนถูกใครจับยัดลงไปในท่อระบายน้ำโสโครก เขาอาจมีค่าต่ำกว่าเม็ดทรายละเอียดที่ช่างนำไปผสมปูนโบกผนังเสียอีก บางคืนเขานอนร้องไห้รันทดถึงชีวิตที่ไม่น่าเกิดมา

จ๊อดยืนมองถนนลาดยาง และนึกอยากชวนเธอควบไปบนมอเตอร์ไซค์ ขับไปเรื่อยๆอาจเป็นทะเล หรือภูเขา หากเธออยากโลดโผนกับชีวิตบ้าง และเกือบจะในทันทีฝันก็สลาย เมื่อเธอควบรถสปอร์ตคันแดงแพงวาววับไม่มีแม้ฝุ่นเกาะ จอดเอี๊ยดข้างหัวจ่ายน้ำมัน

เขาจึงตื่นจากภวังค์ และแปลงร่างเป็นสุนัขรับใช้ กระฉับกระเฉงและว่องไว

ขณะแอบสังเกตเห็นว่าวันนี้เธอใส่ตุ้มหูอันใหม่ เขานึกห่วงหวงเธอ อยากคอยดูแลอยู่ใกล้ๆ
ใช่ – ดูแลทุกอย่างตั้งแต่เล็บเท้าจนถึงสนามหญ้าหน้าบ้าน และอยากนึกเท่เหมือนในภาพยนตร์เป็นบอดี้การ์ดติดตามเธอดั่งเงา

ไม่แคล้วกับที่เขาคิด เมื่อเหตุการณ์มาบรรจบ
หลายครั้งที่ชายสองคนท่าทางน่ากลัวขี่มอเตอร์ไซค์มาจอดหน้าปั๊ม

และครั้งหนึ่งหลังจากที่เธอมาเติมน้ำมัน พวกมันเคลื่อนรถออกไป จ๊อดมองว่าเป็นการสะกดรอย

จ๊อดสังหรณ์ใจถึงภยันตรายที่จะเกิดขึ้นกับคนที่เขาแอบรัก เขานอนไม่หลับบ่อยขึ้น เมื่อชายสองคนนั้นปรากฏตัวให้เห็นเป็นอาจิณ -- พวกเอ็งสองคนจะทำอะไรเธอ ต้องผ่านศพข้าไปก่อน

พลังแห่งสันดานเดิมของเขาพุ่งพรวดสำลักออกเป็นคำสบถ เขานึกโกรธแค้นอย่างไม่รู้จะบอกใคร

จ๊อดอยากบอกเรื่องนี้กับเธอ แต่เธอไม่เคยเหลียวมองเขาแม้หางตา เขาถูกจับให้ยืนอยู่นอกวิถีสายตาเธอเสมอ เขาจึงได้แต่ยั้งปาก

บางครั้งชายสองคนนั้นเลี้ยวรถเข้ามาในปั๊มแล้วขับวนออกไป
จ๊อดมองตามตาเขม็งเหมือนพญาราชสีห์อยากเขมือบกวางในทุ่งโล่ง เพียงแต่กวางตัวนั้นร่างกายกำยำกว่าปกติและมีถึงสองตัว
เขาตัวคนเดียวจึงนึกกลัว

ไม่กินเวลาถึงสัปดาห์ แต่ดูเหมือนเร็วจนเบรกไม่อยู่
เย็นวันนั้น ชายสองคนถูกยิงพรุ่นตายคาถนนแถบชานเมือง
และไม่กินเวลาถึงครึ่งวัน เจ้าหน้าที่สวบสวนอันดับหนึ่งแห่งท้องถิ่น เปิดไซเรนดังสนั่นปิดทางสกัดกั้นถนนเส้นนั้นและเส้นใกล้เคียง
ชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์คาตาบอกว่ามันวิ่งเข้าไปในป่าลำไยริมถนน
นกหลายฝูงบินหนีกันอึกทึก เพราะถูกแทรกแซงความสงบจากผู้คนและเสียงโทรโข่งเซ็งแซ่

แทนที่จะเป็นมอเตอร์ไซค์คันใหม่ของแม่ กลับกลายเป็นปืนลูกโม่เถื่อนที่หาซื้อได้จากรุ่นพี่ที่เคยรู้จัก

ตำรวจล็อคกุญแจมือเข้าที่ข้อมือของจ๊อด ผู้ซึ่งใบหน้าหวาดวิตก
นิมิตภาพลอยมาหยุดอยู่เบื้องหน้าของเขา เป็นจินตนภาพของหญิงสาวไฮโซที่เขาแอบรักกำลังร้องไห้ซบที่อกเขาและกล่าวขอบคุณจนไม่รู้จะทดแทนอย่างไร เขาเอามือลูบหัวเธอเบาๆและบอกรักเธอ ตามมาด้วยภาพของแม่ที่กำลังขี่มอเตอร์ไซค์คันเก่าเข้าสวนด้วยความทุลักทุเล

สายไปเสียแล้วสำหรับเขา

จ๊อดคิดว่าน้ำตาของเขากำลังหยดลงดิน ภายนอก วงผู้คนที่กำลังมุงล้อมด้วยความขยะแขยงและเสียงด่าทอ เขาไม่แน่ใจว่าเห็นแม่ทรุดตัวลงนั่งร้องไห้แทบขาดสติอยู่ตรงนั้นหรือเปล่า


ยามบ่ายแก่ของอีกวันถัดมา ณ บ้านหลังมหึมาทรงยุโรป
ผู้ประกาศข่าวกระชับใจความได้ว่า – สองลูกน้องเสี่ยอู๋ถูกยิงตายสยองคาถนน จับตัวผู้ต้องสงสัยได้แล้ว ตำรวจสรุปเบื้องต้นว่าเป็นเรื่องธุรกิจขัดแย้ง

“ผมนึกแล้วว่าตำรวจต้องสรุปกันแบบนี้” ชายหนุ่มร่างสูงโยนประโยคขึ้นก่อน เขาละสายตาจากจอโทรทัศน์

“น่ากลัวจัง คนเราไม่น่าจะฆ่ากันง่ายๆนะคะ”หญิงสาวอายุสามสิบต้นๆพูดเสริม เธอเอนหลังพิงโซฟา

ทั้งคู่นั่งทอดอารมณ์อยู่ตรงริมระเบียงบ้าน มีทั้งสนามหญ้าแสดงความโอ่อ่าและรั้วกว้างขวางแสดงอาณาเขต รถสปอร์ตสีแดงสดคันหรู ป้ายทะเบียน กก-๙๙๙ จอดอยู่ในโรงรถ

แก้วน้ำส้มคั้นวางบนโต๊ะเคียงข้างขวดเบียร์ของชายหนุ่มร่างสูงคู่หมั่นของเธอที่เพิ่งกลับมาจากเมืองนอก เขากำลังตื่นเต้นกับข่าวฆาตกรรมละแวกใกล้บ้านจากช่องเคเบิ้ลท้องถิ่น

“เห็นว่าแกกำลังสนใจธุรกิจใหม่ คนแถวนี้เขาพูดกันว่าเสี่ยอู๋ส่งลูกน้องสองสามคนออกสำรวจปั๊มน้ำมันต่างๆแถวนี้ เผื่อจะทำสัญญาเทคโอเวอร์ ช่วงนี้น้ำมันแพง เจ้าของปั๊มบางรายอาจถอดใจปิดขายกิจการ ผมว่าก็ไม่เห็นจะน่าผิดใจกับใครที่ไหนจนต้องฆ่าแกงกัน”
เขาบอกข้อมูลที่รู้มาบวกกับความคิดเห็นของตัวเอง

“นั่นนะซิค่ะ จะว่าไปเสี่ยเขาก็เป็นคนดี ทำเฉพาะงานสุจริต เป็นที่เคารพนับถือกันโดยทั่วไป ใครที่ไหนจะมามีปัญหาด้วย แต่ก็อย่างว่า เรื่องของธุรกิจ ใครจะไปรู้” เธอถอนใจ หันมาจิบน้ำส้มในแก้ว มันเย็นจัดและชื่นใจ

ในฉับพลันนั้น เธอรู้สึกสบายอารมณ์นึกอยากชวนคู่หมั่นนั่งรถสปอร์ตคันหรูไปเที่ยวที่ไหนสักแห่งอาจเป็นทะเล หรือภูเขา

----------------------------------------------------------------------

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น