วันอาทิตย์ที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

จากไดอารี่ของแม่ เมื่อ 40 ปีที่แล้ว


บ่ายวันหนึ่งอันร้อนระอุคล้ายว่ากองไฟโหมกระหน่ำจิตใจ เม็ดเหงื่อเหนียวๆชุ่มไปทั่วทั้งตัว ผมตัดสินใจหลบหนีไอร้อนจากพัดลมสองตัวในห้องของผม เดินผ่านทางเดินระหว่างห้อง ผลักบานประตูเ้้ข้าไปหาแม่ซึ่งนอนเปิดเครื่องปรับอากาศเย็นสบาย คล้ายกลับสู่วัยเด็กอีกครั้ง เด็กซึ่งรู้สึกปลอดภัยเมื่ออยู่ใกล้แม่

เรานอนคุยกันไปเ่รื่อยเปื่อย จู่ๆแม่ก็ลุกไปค้นหยิบไดอารี่เก่าๆออกมาจากลิ้นชักตู้ หน้าปกสีเขียวหม่นมัว เห็นเป็นร่องตัวหนังสือลางๆว่า Diary 1972 ซึ่งก็คือไดอารี่ที่แม่เขียนไว้สมัยสาวๆ ในปี ค.ศ. 1972 หรือ พ.ศ.2515 แม่ไม่รีรอ เปิดออกและอ่านให้ผมฟัง.....

___________________

บางวันแสนเหน็ดเหนื่อย อยากจะหลีกลี้ผู้คนไปสงบสติอารมณ์อยู่เงียบๆลำพังคนเดียว
อยากจะนอนดูท้องฟ้าสีครามพร้อมทั้งคิดคำนึงเงียบๆ
อยากจะคุยกับนกเล็กๆ ที่บินว่อนไปมา
อยากจะฟังเสียงหญ้างอก ไอดิน กลิ่นหอม กลิ่นโคลนสาบควาย
อยากจะนั่งดูพระอาทิตย์ยามอัสดงที่ค่อยๆลับขอบฟ้าตามลำพัง ทอแสงสีสวยงามไว้เบื้องหลัง
อยากจะท่องโคลงกลอนซึ้งๆที่ตัวเองหลงใหลให้ยอดหญ้าฟัง
อยากจะบอกดอกไม้ว่า ขอบใจเจ้าเหลือเกินที่ช่วยให้ฉันเพลิดเพลินด้วยสีสวยและกลิ่นหอม
ขอบใจนกเจ้าที่สร้างโลกอย่างสวยงาม ไม่มีสีใดจะงามเหมือนสีธรรมชาติ
ในทุ่งเีขียวขจีตัดกับเส้นขอบฟ้าสีเงิน ธรรมชาติเป็นเพื่อนเสมอ ไม่ว่าทุำกข์หรือสุข เธอเป็นเพื่อนแท้ของฉันนะจ๊ะ ธรรมชาติที่รัก...

ฉันอยากจะนั่งนับดาวเล็กๆในท้องฟ้าท่ามกลางความเงียบ
ดาวเอย อย่าเปล่งแสงแข่งกับจันทร์เจ้าเลย เจ้าสู้เขาไม่ได้หรอก ปล่อยให้เขาเปล่งรัศมีไปเถิด
ถ้าเป็นดวงจันทร์กันหมดแล้ว ใครหนอจะเป็นดาวเล็กๆระยิบระยิบให้ฉันชม
เจ้ามีค่าสำหรับฉันเสมอ ดาวจ๋า...

ในคืนเดือนมืด ขอบใจดาวดวงเล็กๆที่ส่องแสงเป็นเพื่อนฉัน ยามเหงา.. เศร้า...
ถ้าฉันมีใครสักคนเป็นที่รัก ฉันจะเก็บดาวมาร้อยเป็นพวงเพื่อประดับใจของเธอ
ขอบใจนะจ๊ะ ดวงดาวเล็กๆที่อยู่เป็นเพื่อนฉันจนค่อนคืน

ฉันจะไม่ลืมเธอ พบกันใหม่ในคืนเดือนมืด...

___________________


หลังจากฟังไปอีกหลายต่อหลายบท ผมจึงของแม่เอามาลง blog ในบางส่วน
สวยงามเหลือเกิน เป็นอีกมุมหนึ่งของแม่ที่ทำให้ผมละมุนตื้นตันอยู่ในหัวใจ

_______________________________________________________________

2 ความคิดเห็น: